XAUUSD : Alternative W.C. still validจากบทวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ ทำให้เห็นว่าหลังจากราคาทองปรับตัวสูงขึ้นได้ทำ Bull trap (expanded flat) ลงมา
จึงทำให้ราคาของทองคำอาจจะย่อตัวระยะสั้นได้ แต่การย่อตัวเพื่อขึ้นครั้งนี้ไม่ควรหลุด 1847.50
หากราคาสามารถยืนกลับไปเหนือ 1916 ได้ จะเป็นการคอนเฟิร์มการขึ้นต่อได้ในระยะกลางถึงยาว
ไอเดียชุมชน
แชร์ไอเดีย การวางแผนเทรดการวางแผนการเทรดเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ
นักลงทุนควรวางแผนการเทรดโดย
การใช้อินดิเคเตอร์ที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญในการการมากำหนดจุดซื้อและจุดขาย
ไม่ว่าจะเป็น MACD RSI Fibo เส้น Trend Line และอื่นๆ โดยที่
1. กำหนดจุดเข้าซื้อ
อาจจะแบ่งไม้ซื้อ 2-4 ไม้ก็ได้ เช่น
Buy 1: บาท
Buy 2: บาท
2. กำหนด "จุดขาย" ทำกำไร (แบ่งไม้ขายได้เช่นกัน)
Sell 1: บาท
Sell 2: บาท
3. กำหนดจุด "Stop Loss" (แบ่งไม้ได้เช่นกัน) เช่น
Cut 1: บาท
Cut 2: บาท
สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าการวางแผนการเทรด คื อ "การทำตามแผนการเทรด"
คุณไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ "ทุกครั้ง" ในบางครั้ง "ผิดทาง" ต้องรู้จัก "ยอมแพ้" บ้าง
การยอมแพ้หรือการ Stop Loss เป็นการรักษา "เงินต้น" เพื่อให้คุณนำมาเป็นทุนกับการลงทุนครั้งใหม่
อย่าปล่อยให้การขาดทุน "5-10%" ผิดทางจนกลายเป็น "20-50%" จนคุณต้องสูญเสียเงินต้นไปมากกว่าที่ควรจะเป็น
ฟองสบู่ DeFi น่าจะแตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว = ลุกช้าจ่ายรอบวงช่วงนี้ที่ไม่ค่อยได้อัพเดทอะไรลงเพจ หรือไม่ได้ live ส่วนนึงก็ไม่รู้จะอัพอะไร แล้วก็ไปติด Genshin Impact อยู่ตลอดอาทิตย์ที่แล้ว 555 ยังดีมี Venti มาให้ชื่นใจ ส่วนที่เหลือก็เกลือเรียบ
อีกส่วนนึงก็กำลังชั่งใจว่า จะออกมาโพสทับถม DeFi ดีหรือไม่ เพราะก็อย่างที่เราเห็นๆ กันนะครับว่า ช่วงนี้ เหรียญ DeFi ทั้งหลาย ก็เริ่มออกลาย อย่างที่ผมเคยเตือนๆ กันมาในเพจตลอด ... ว่าระวังมันจะเป็นแค่ Just another ICO
ตัวอย่างที่เห็นตอนนี้ก็คือ Sushi(t) the exit scam ของเรา ที่เจ้าของแม่งขายเหรียญเปิดตูดไปหมดนานแล้ว แต่ไอ้เจ้าของ FTX มารับขี้ไปแทน ... ซึ่งตอนนี้ราคาเหรียญก็ต่ำตม ชนิดที่เรียกว่า เอาขี้มาเทียบก็ยังไม่น่าจะใช้ได้
โดยที่ผ่านมา Sushi(t) ได้ร่วงจาก ATH ลงมาราคาปัจจุบัน ไปแล้วกว่า -95% และ ร่วงลงมาถึง -35% ในเวลาแค่ 4 วันเท่านั้น
โดยถ้าเราไปหลงเชื่อค่า APY ที่บอกว่า ได้วันละ 0.29% ปีละ 104% ซึ่งถ้าคิดแล้ว 4 วันที่ผ่านมาก็จะได้ไปถึง..+1.16% ... แต่มูลค่าเหรียญมึงร่วงลงมา 4 วัน -35%.... แค่นี้ก็ได้แต่เอาตรีนก่ายหน้าผากแล้วครับ...
แล้วขอโทษนะครับ ถ้าคุณยังไปฝากเงินซื่อบื้ออยู่ใน sushi swap หวังกินดอกจนครบ 1 ปี ซึ่งได้มาแค่ 100% ( ตามที่เว็บบอก ) แต่ถ้าราคาเหรียญลงไปจาก ราคาปัจจุบันอีก -99% นี่คือจบนะครับ...
เพราะถ้าเหรียญลงไป -99% แล้ว คุณต้องทำกำไรกลับมาถึง 10,000% เลยนะ มันถึงจะกลับมาแค่ เท่าทุน!! ( 1 x 100 x 100 = 10,000% )
===========
จากที่ผมดูทรงแล้ว ผมคิดว่า ฟองสบู่ DeFi น่าจะแตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ก็รอแค่ว่า ใครลุกช้า ก็จ่ายรอบวง ตามสไตล์แชร์ลูกโซ่
แล้วเคส DeFi คือ คุณไปตามฟ้องร้องกะใครไม่ได้เลยนะครับ เพราะทุกโครงการอยู่บน Smart Contract ( ยกเว้นคุณจะไปให้คนที่ตามตัวได้ บริหารเงินให้ แบบนั้นก็อาจจะพอตามตัวกันได้มั้ง 5555 )
เวลาคุณมาร้องห่มร้องไห้ ว่าเงินหายหมด... ขาดทุนหนักมาก ทำไงดี .. คนที่ชวนๆ คุณไปลง เขาก็จะใช้ประโยคคลาสสิค บอกคุณว่า "เอ๋า ก็ผมบอกแล้วไงครับว่า ให้เอาเงินเท่าที่จะเสียได้ มาลงเท่านั้น แล้วพี่ไป all-in ทำไมล่ะครับ!?!" ..... ซึ่งก็จริงของเขาอ่ะนะ 5555
หรือไม่ก็อาจจะบอกว่า "ถือทนรอไปก่อนนะครับ เดี๋ยวมันก็กลับมา" ... ซึ่ง มันอาจจะกลับมา หรือมันอาจจะไม่กลับไปเลย เหมือนโปรเจค ICO หลายๆ ตัวที่ -100% กันไปแล้วก็ได้นะครับ
==============
ดังนั้น... หลังจากนี้ ... ใครรู้ตัวว่าลงไปเยอะ และดูทรงแล้ว ไม่น่าไหว ก็ลองตัดสินใจดูแล้วกันครับว่าจะ take action ยังไง ... ส่วนตัวผมคงไม่บอกไร เพราะเดี๋ยวบอกให้หนี แล้ววันรุ่งขึ้นมันดีดใส่หน้า ก็จะมาด่าผมอีก 555
นี่คือสิ่งที่ผมย้ำ และเตือน อยู่ในเพจมาตลอดว่า ตลาด มันไม่ง่ายนะ อย่าประมาท ....
และมันก็ยังคงเป็นจริงเสมอครับ
การใช้งานอินดิเคเตอร์ Visible Range หรือ Volume Profileการใช้งานอินดิเคเตอร์ Visible Range หรือ Volume Profile
อินดี้ตัวนี้ใช้ในการดูว่านักลงทุนส่วนใหญ่ "ติดหุ้น" ในราคาไหนกันบ้าง
ซึ่งอาจนำมาตีความว่าเป็น "แนวต้าน" ของหุ้นก็ได้
หมายเหตุ การตีความเป็นไปตามทฤษฏีเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำเพื่อซื้อหรือขายหุ้นตัวใดตัวนึงแต่อย่างใด
XAUUSD : Maybe C of Zigzagราคาทองคำได้ปรับตัวลงมาตามคาดการณ์ก่อนหน้านี้
บริเวณนี้เป็นกรอบราคาที่เป็นเป้าของสามเหลี่ยม
มองว่าทองคำน่าจะลงต่อกลับไปบริเวณ 1780-1750 ได้ในระยะสั้นนี้ ก่อนจะปรับตัวเป็นขาขึ้นในระยะยาวต่อไป
หรือหากตรงนี้จะเป็น alternative อย่างไรก็ต้องมีการพักตัวอย่างน้อยถึง 1880
แต่ให้น้ำหนักว่าทองจะลงมากกว่าขึ้นครับ
จะค้นหารูปแบบแท่งเทียนบนชาร์ตของคุณอย่างทันทีได้อย่างไรเราสร้างชาร์ตนี้ของหุ้น Apple เพื่อแสดงการอัปเดตที่เราทำกับรูปแบบแท่งเทียน ซึ่งเป็นวิธีใหม่ในการระบุรูปแบบแท่งเทียนที่เฉพาะเจาะจงโดยอัตโนมัติ ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงคลิกเดียวสามารถตรวจจับรูปแบบแท่งเทียนได้เกือบทุกรูปแบบตั้งแต่แท่งเทียน Bearish Engulfing ไปจนถึง Shooting Star Top
ในการเริ่มต้นให้เปิดเมนูอินดิเคเตอร์และกลยุทธ์ จากนั้นคลิกแท็บรูปแบบแท่งเทียน จากนั้นเลือกรูปแบบที่คุณต้องการใช้ หากตรวจพบรูปแบบแท่งเทียนโดยอัตโนมัติป้ายกำกับพิเศษจะปรากฏบนชาร์ต: สีน้ำเงินสำหรับ Bullish, สีแดงสำหรับ Bearish หรือสีเทาสำหรับทั้งสัญญาณ Bullish และ Bearish วางเมาส์เหนือป้ายกำกับเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียนแบบเฉพาะเจาะจง
แผนภูมิที่เราสร้างในตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นหุ้น Apple ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน มันแสดงให้เห็นแท่งเทียน Bearish Engulfing และ Doji แต่ละอันที่แสดงด้วยป้ายกำกับสีแดงและสีเทา หุ้น Apple เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเกิดเทียน Bearish Engulfing ขนาดใหญ่ เราได้ไฮไลต์พื้นที่นั้นบนแผนภูมิด้วยลูกศร หุ้น Apple ปรับตัวลดลงประมาณ 15% นับตั้งแต่แท่งเทียนก่อตัวขึ้น และอาจเป็นสัญญาณขาลง โดยความเชื่อมั่นและการเคลื่อนไหวของราคาจะเปลี่ยนเป็นขาลงในพริบตา อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือไม่ใช่แท่งเทียน Bearish Engulfing ทุกแท่งที่นำไปสู่การเทขายในระยะยาว ในความเป็นจริง ในอีกสามครั้งถัดมา หุ้น Apple ไม่มีผลกระทบจากรูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้ ครั้งนี้จะแตกต่างกันไหม? เวลาจะบอกเอง
นอกจากนี้เรายังสามารถติดตามหุ้น Apple และผลกระทบของแท่งเทียนนี้เมื่อเวลาผ่านไปได้โดยการสร้างการแจ้งเตือน ใช้แล้ว - รูปแบบแท่งเทียนของเราทำงานร่วมกับระบบแจ้งเตือน ดังนั้นหากคุณต้องการรับการแจ้งเตือนทุกครั้งที่รูปแบบแท่งเทียนปรากฏบนชาร์ตคุณสามารถสร้างการแจ้งเตือนสำหรับสิ่งนั้นและส่งไปยังโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรืออีเมลของคุณได้
เรารับฟังและรอคอยเสียงตอบรับและฟีดแบคของท่านเสมอ และเริ่มจากวันนี้ไป เราได้เพิ่มอินดิเคเตอร์ใหม่ 17 รายการไปยังเมนูรูปแบบแท่งเทียน:
• Dark Cloud Cover และ Piercing;
• Morning Doji Star และ Evening Doji Star;
• Harami Cross ( Bearish และ Bullish );
• Tweezer Bottom และ Tweezer Top;
• Rising Three Methods และ Falling Three Methods;
• Rising Window และ Falling Window;
• On Neck;
• Upside Tasuki Gap และ Downside Tasuki Gap;
• Doji Star ( Bullish และ Bearish )
อินดิเคเตอร์ทั้งหมดนี้ถูกเขียนขึ้นด้วยไพน์ ภาษาโปรแกรมอย่างเป็นทางการของเรา ถ้าท่านต้องการเข้าใจอัลกอริธึมของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งปรับตั้งค่าหรือปรับแต่งมันด้วยตัวท่านเอง ให้ไปที่ ซอร์สโค้ดของอินดิเคเตอร์และแก้ไขมันจากที่นั่นได้เลย
เราหวังว่าท่านจะเพลิดเพลินไปกับ การสอนการใช้งานรูปแบบแท่งเทียนนี้ ถ้าท่านมีคำถามหรือความคิดเห็น ส่งข้อความของท่านไว้ด้านล่างนี้ ถ้าท่านชอบโพสต์นี้ กรุณากดไลค์ให้เรา
การใช้อินดิเคเตอร์ Trend Ribbon คู่กับ EMA 50 จับจังหวะ ซื้อ ขายหากแท่งเทียนอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 50 วัน (แนวโน้มขาลง)
จุดที่แท่งเทียนเริ่มหลุด "ต่ำกว่า" เส้น EMA 50 >> บ่งบอกถึง "จุดขาย"
หากแท่งเทียนอยู่ "เหนือ" เส้นค่าเฉลี่ยนเคลื่อนที่ EMA 50 วัน (แนวโน้มขาขึ้น)
จุดที่แท่งเทียนเริ่มยืน "เหนือ" เส้น EMA 50 >> บ่งบอก "จุดซื้อ"
แถบ Ribbon จะช่วยยืนยัน "จุดซื้อ" เมื่อมีสัญญาณ "Long" เกิดขึ้น
และ "จุดขาย" คือจุดที่มีสัญญาณ "Short" เกิดขึ้น
ช่วงนี้ควรเริ่มทยอยซื้อหุ้นที่ลงมาเยอะๆ เข้าพอร์ตแล้วหรือยัง? ช่วงนี้เลื่อน Facebook ผ่านเพจหุ้นต่างๆ ก็จะเริ่มมีโพสเชิงกึ่งคำถามว่า ตอนนี้ ตัวนี้น่าเริ่มซื้อหรือยัง? ตัวนั้นลงมาเยอะแล้วต้องซื้อแล้วถือยาวดีมั้ย?
ผมเอง ก็ไม่ใช่เซียนหุ้นอะไร เพราะส่วนตัวก็ยังเพิ่งมาดู price pattern ของหุ้นไทยได้ไม่นานเหมือนกัน .. แต่ด้วยความรู้ของการนั่ง Backtest ด้วยกลยุทธ ตระกูล Trend Following มาหลายสินค้า .. ก็พอสรุปรูปแบบของกราฟที่ดูแล้วน่าจะเป็น "ขาขึ้น" ได้ดังนี้
--------------------------------
1) กราฟขาขึ้น = indicator ชี้ขึ้น
--------------------------------
* ข้อนี้สำคัญมากที่สุด และโคตรง่ายที่สุด พิมพ์แล้วก็เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
* เอาง่ายๆ กราฟใดๆ มันจะขึ้นได้ สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นได้ มันจะมีสิ่งคล้ายๆ กันดังนี้
* Exponential Moving Average ( 21 ) เคลื่อนที่ไปในทิศทางชี้ขึ้นและจะอยู่ใต้แท่งเทียน
* Action Zone เขียว ( หรือเส้น MACD ทั้งสองเส้น > 0 )
* ถ้าเอา CDC ATR มาใส่กราฟ ก็จะเป็นสีเขียว
* พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากจะซื้อจริงๆ ก็นั่งรอให้เงื่อนไขข้างบนครบก่อนก็น่าจะดีกว่าครับ เพราะอย่างน้อย เราจะมีโอกาสที่เราจะได้กำไร สูงกว่าเสียตัง
--------------------------------
2) ถ้าตลาดมันยังเป็นขาลง มันก็จะลงไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลง
--------------------------------
* ข้อนี้ก็เหมือนเป็นการตอบแบบกวนตีนๆ อีกเช่นกัน แต่ตลาดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
* ถ้ามันจะหยุดลง ..กราฟมันก็จะค่อยๆ กลับตัว ขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้าย indicator ทั้งหลายที่ผมบอกในข้อแรก มันก็จะเขียว .. และนั่นคือจุดที่เราควรจะเสี่ยงเข้า และมีโอกาสชนะสูงขึ้น
* ต่างกับช่วงที่กราฟมันยังแดง ยังหัวปัก เหมือนหุ้นในตัวอย่างนี้ การที่เราเข้าไปเสี่ยงซื้อ ตอนที่กราฟยังเป็นขาลงอยู่ ก็เท่ากับการไปรับมีดที่กำลังหล่น..
* ถ้าโชคดี มีดมันเริ่มหมดแรงหล่นแล้วเราก็อาจจะไม่เจ็บหนัก และมีดก็จะพาเรารวยได้
* แต่ถ้าโชคร้าย มีดมันยังไม่หมดแรง แล้วมันหล่นต่อ มันก็จะทิ่มทะลุมือเรา ลงไปให้เราเอาตีนรับอีกรอบ ... ซึ่งถ้ายังโชคร้ายอยู่ มันก็จะทะลุตีนไปด้วย
* ทางที่ดี ผมว่า นั่งรอดูให้มีดมันหล่นลงพื้น แล้วหยุดสะบัดก่อน แล้วค่อยก้มลงเก็บมีด ... น่าจะปลอดภัยกว่า...
* คนส่วนใหญ่ กลัวจะไม่ได้ของ กลัวจะตกรถ แถมพวกสื่อต่างๆ ก็บิ้วให้เราซื้อซะเหลือเกิน เหมือนกับว่า ของแม่งลดราคาลงมาขนาดนี้แล้ว ไม่ซื้อก็โง่
* แต่ถ้าใครเคยผ่านช่วง ICO เน่า ของตลาดคริปโตมาก่อน คุณจะเข้าใจว่า ถ้าตลาดมันลง ไม่ว่าคุณจะถัวสวนเทรนแค่ไหน มันก็จะสามารถลงไปอีกได้เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดลงจริงๆ โน่นแหละ 555
--------------------------------
3) ไม่มี Oversold ที่แท้ทรู และไม่มี Overbought ที่แท้ทรู เช่นกัน
--------------------------------
* มือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด ก็จะไปยึดติดกับหลักการ RSI Oversold ที่เขาสอนๆ กันว่า เฮ้ย มัน OS + Bullish divergence แล้ว เดี๋ยวมันต้องเด้งในเร็วๆ นี้แน่ๆ แล้วก็รีบไปซื้อสวนเทรนกัน
* ปัญหาของระบบสวนเทรนแบบนี้ มันก็คือว่า... มันสวนเทรนอ่ะ! .. มันอาศัยโชคล้วนๆ เลยครับ!
* ถูก ว่าบางครั้ง เราสวนแล้วมันจะขึ้นก็ได้ .. แต่ก็ต้องถามว่า แล้วโอกาสมันกี่% ล่ะ? แล้วมันคุ้มกับการสวนหรือไม่? เพราะผมเคยเห็นบางทีมัน OS แล้ว OS อีก มันก็ลงไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดนะครับ 55
* ดังนั้น ผมว่า รอชัวร์ๆ ก่อนดีกว่า
--------------------------------
4) ซื้อแล้วดอย ก็ไม่เป็นไรหรอก เราเป็น VI มองการลงทุนระยะยาว
--------------------------------
* ข้อนี้ มักเป็นคำแก้ตัวของคนติดหุ้น แล้วไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมถึงติด แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร
* เคส VI นี่ ถ้าเราไปดูกราฟของ KBANK ที่ทำ New Low 10 ปีก็พบว่า...
* ไม่ว่าคุณจะทยอยซื้อหุ้น KBANK ที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ แล้วไม่ขาย ( DCA หุ้น ) ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา.. ณ ตอนนี้ คุณก็จะ "ดอย" อยู่ดี ครับ
* จะดอยมาก ดอยน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณไปดอยที่ราคาเท่าไหร่ .. แต่ถ้าจะให้เฉลี่ยๆ ก็น่าจะมี ระดับ -50% up
* กลายเป็นว่า.. VI เนี่ย จริงๆ แล้ว มันใช้กับตลาดหุ้นไทยเราได้หรือป่าว? หรือใช้ได้แค่ช่วงหลังวิกฤต sub prime ตอนปี 2008? หรือเป็นแค่คำหวานที่เหล่ากูรูหุ้นหลอกให้เราถือหุ้นไปเรื่อยๆ ไม่ยอมขาย?
* อย่าลืมนะครับ เรามาลงทุน ก็อยากให้เงินเรางอกเงย เมื่อเวลาผ่านไป .. ไม่ใช่ว่า ยิ่งถือ ก็ยิ่งขาดทุน
* เราทำธุรกิจ ปีสองปีแรก ขาดทุน เราอาจจะต้องมานั่งคิดทบทวนดูเลยครับว่า ควรจะทำต่อดีไหม หรือยอมเลิกกิจการแล้วไปทำอย่างอื่น
* นี่กลายเป็นว่า พอเราติดหุ้น เราก็ทนขาดทุนไปเรื่อยๆ และรออย่างมีความหวังว่า "สักวัน" ราคามันน่าจะขึ้นไปสิบเด้งร้อยเด้ง เหมือนที่มันเคยขึ้นไปในอดีต... แบบนี้มันไม่ใช่การลงทุนแล้วครับ มันคือการซื้อหวยดีๆ นี่เอง 555
--------------------------------
สรุปว่า... ควรซื้อหรือยัง
--------------------------------
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมตอบเลยว่า "ยัง" ... เก็บเงินสดของท่านไว้ก่อนดีกว่า...
ไม่ต้องรีบช้อน กะจะได้จุดต่ำที่สุดหรอกครับ ตลาดมันก็อยู่ของมันตรงนี้ ไม่ไปไหน อีกกี่สิบกี่ร้อยปี มันก็ยังอยู่ เพราะว่า มันคือสิ่งที่เล่นกับความโลภของคนที่ไม่รู้ และคิดว่า ตลาดมันง่ายๆ นั่งกระดิกตีนริมชายหาดก็รวยได้ เหมือนดังภาพที่สื่อชอบเอามาหลอกพวกเรากัน..
ระหว่างรอ ก็นั่งศึกษาหาข้อมูลกันไปก่อน อย่างน้อย ก็ควรดูกราฟให้เป็น..
ยุคนี้ มีเว็บอย่าง tradingview ช่วยให้ท่านดูกราฟ + ใส่ indicator ได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ
พวก กลยุทธ ต่างๆ ผมก็ทำแจกเอาไว้เยอะแยะ ก็ไปเรียนรู้ หาวิธีใส่ แล้วก็ลองศึกษามันไปเรื่อยๆ ดูก่อน ยังไม่ต้องรีบกดซื้อด้วยเงินจริง ลองนั่ง backtest ไปเรื่อยๆ ก่อนว่า ท่าไหน ที่เราน่าจะเข้าซื้อ แล้วมีโอกาสชนะมากที่สุด
แล้วก็.. อย่าไปฟังพวกเพจเชียร์หุ้น กลุ่มหุ้น หรือบทวิเคราะห์อะไรมากนัก ถ้าอยากซื้อ ให้กลับมาเปิดกราฟดูก่อนว่า มันกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือยัง.. ถ้ายัง ก็ยังไม่ต้องซื้อ แต่ใส่ watch list ไว้ก่อน
ก็ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ อยากให้ทุกคนดูกราฟกันเองเป็น จะได้ไม่ไปติดดอยส่งเดช ครับ ช่วงนี้เงินยิ่งหายากอยู่ ...
อ้อ ส่วน ถ้าใคร เทรดหุ้นธรรมดา ยังไม่มีกำไรสม่ำเสมอตลอด 1-2 ปี... อย่าคิดแม้แต่จะไปลอง TFEX นะครับ ... หมดตัวแน่นอน 555